การเจาะสำรวจดิน ✅คือกรรมวิธีการเจาะดิน, เก็บตัวอย่างดิน, ทดสอบคุณสมบัติดินในสนาม, หยั่งชั้นดินจากผิวดิน 🛒หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลทางแนวดิ่งของชั้นดิน และการเปลี่ยนแปลงทางแนวราบ เพียงพอในการที่จะใช้ออกแบบ 📌หรือศึกษาทางด้านปฐพีกลศาสตร์ ลักษณะการเจาะสำรวจดินจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้งานด้วย เช่น การสร้างถนนหรือสนามบิน การสำรวจจะกระทำเพียงตื้น ๆ แต่งานฐานรากลึกต้องเจาะลึกกว่าปลายเข็มที่ใช้ 📌สำหรับในบทนี้จะพูดถึงการเจาะสำรวจดิน (https://groups.google.com/g/comp.lang.clipper.visual-objects/c/1Hli164xAvE)โดยวิธีเบื้องต้น โดยใช้ สว่านมือ (Hand Auger), การเจาะล้าง ✅และการเก็บตัวอย่างดินด้วยกระบอกบาง📌
✅✅✅เหตุผลในการเจาะสำรวจดินก่อนก่อสร้าง✅✅✅
1. เพื่อให้รู้ประเภทและชนิดของดินใต้พื้นที่ก่อสร้าง 🦖ทราบลักษณะเชิงกล เราจะได้เลือกใช้ฐานรากได้ถูกประเภท 🦖เช่น หากดินแข็งพออาจจะเลือกใช้เป็นฐานแผ่แทน⚡
2. การรู้ความลึกของชั้นดินแข็ง 📌ช่วยในการคำนวณกำลังรับน้ำหนักเสาเข็ม✅ และเลือกขนาดและความยาวเสาเข็มที่เหมาะสม✅
3. เพื่อลดความผิดพลาดในการตอกเสาเข็ม 🛒เพราะหากเจอชั้นดินแข็ง แต่ไม่หนาที่ชั้นความลึกไม่มาก 🥇อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าถึงชั้นดินแข็ง ✅ทั้งที่จริง ๆ ยังสามารถตอกต่อไปได้ 🌏หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก วิศวกรควรสั่งให้เจาะสำรวจดินหลาย ๆ หลุมให้เพียงพอ เพื่อเปรียบเทียบ 🌏เพราะอาจต้องออกแบบฐานรากหลายแบบ สำหรับก่อสร้างอาคารนั้น🦖
(https://i0.wp.com/xn--82ca0bu1cyat1crc0a8k9g.com/wp-content/uploads/2024/07/Wash-Boring-vs-Rotary-Drilling.jpg?resize=306%2C205&ssl=1)
✅✅✅วิธีเจาะสำรวจชั้นดิน (Soil Boring)✨✨✨
การเจาะดิน🌏คือการการขุดหลุมในดินเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน📌และเก็บตัวอย่างดินเพื่อนำมาทดสอบคุณสมบัติในห้องปฏิบัติการ🥇โดยทั่วไปการสำรวจชั้นดินที่ใช้มากในประเทศไทย 🎯ได้แก่
1. การเจาะโดยใช้สว่านมือ (Hand Auger) 📢เป็นการเจาะด้วยแรงคน โดยใช้เครื่องมือสว่านมือและแท่งเจาะดังรูปด้านล่าง 📌โดยที่ก้านเจาะยาวประมาณ 1 เมตร สามารถต่อเพิ่มความยาวได้หลายท่อน เมื่อกดพร้อม ๆ กับหมุนก้านจนดินเข้ามาเต็มสว่านแล้วจึงดึงขึ้นเพื่อนำดินออก ⚡ดินส่วนนี้สามารถนำไปทดสอบคุณสมบัติทางวิศวกรรมบางประเภทได้ 🥇การเจาะด้วยสว่านมืออาจทำได้ลึกถึง 6–10 เมตร ในดินเหนียวแข็งปานกลาง 🛒ข้อเสียของวิธีการเจาะนี้คือไม่สามารถเก็บตัวอย่างดินเพื่อทดสอบความแข็งแรงหรือการทรุดตัวได้เนื่องจากโครงสร้างดินถูกทำลายโดยสว่าน⚡
2. การฉีดล้างดิน ⚡คือการใช้แรงดันน้ำฉีดเจาะทำลายโครงสร้างดินเพื่อให้เกิดหลุม และเกิดการรบกวนดินด้านล่างน้อยที่สุด ⚡วิธีการเจาะเริ่มโดยการเจาะชั้นดินโดยการสูบน้ำผ่านก้านเจาะลงไปที่หัวฉีดที่ก้นหลุมพร้อม ๆ กับกระแทกหรือหมุนของหัวเจาะ 🛒ทำให้ดินที่ก้นหลุมถูกฉีดและไหลตามน้ำขึ้นมาบนผิวดินลงในอ่างตกตะกอน จากนั้นสูบน้ำที่ใสนำกลับมาใช้ใหม่ ✨ดังรูปด้านล่าง วิธีนี้ต้องอาศัยสามขา (Tripod) เครื่องกว้าน (Motor และ Catch head) ✨และปั๊มน้ำ ในกรณีที่เจาะในชั้นของดินอ่อน จะต้องใช้ปลอกกันดินด้วย โดยต่อเป็นท่อน ๆ 👉และเมื่อเจาะถึงชั้นทรายจะไหลเข้ามาในหลุม จึงต้องผสมสารเบนโทไนต์ (Bentonite) กับน้ำ 🛒เนื่องจากเบนโทไนต์คือแร่ชนิด มอนต์มอริลโลไนต์ มีความสามารถในการดูดน้ำดีและพองตัวได้มาก 📌ทำให้ความหนาแน่นของน้ำภายในหลุมมากกว่าน้ำในชั้นทราย🎯 น้ำจึงไม่ไหลเข้าในหลุม การเจาะประเภทนี้สามารถหยุดเพื่อเก็บตัวอย่างดินได้เป็นระยะ ๆ ตามกำหนด ✨การเจาะสำรวจในกรุงเทพฯ เพื่อก่อสร้างอาคารจะเจาะสำรวจตั้งแต่ 30-80 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของอาคาร🎯
ขอบคุณครับ
เข้าใจแล้วค่ะ
น่าสนใจครับ
น่าสนใจค่ะ