• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Panitsupa, April 05, 2023, 05:58:30 AM

Previous topic - Next topic

Panitsupa

1. เพราะว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อดำเนินการอย่ างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกวี่ทุกวัน บ่อยครั้งที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะก่อให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความแน่ใจ เพราะการเฟลจากที่ดำเนินงานส่วนใหญ่มักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ และขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองในตัวเอง สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน รวมทั้ง อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในช่วงเวลานี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเรานับถือที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยต่างๆนาๆ อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนนู่นหนคนนี้ที แต่ว่าพอได้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าเกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ไง ทำไมน่ะเหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำอาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากทำงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

เพียงแค่พวกเราพรีเซนเทชั่นงานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานพวกเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเกินความจำเป็นในโลกออนไลน์

หลายๆคนเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่ว่าทราบรึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนอกจากจะมอง resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนพ้องพวกเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราคือไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าหากหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาน้ำที่พด้วย ด้วยเหตุว่า ส่วนมากคนในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา พอใจ เอาใจใส่ แต่... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นๆมาอิจฉาริษยา

ช่วงปีที่ผ่านมานี้ เพื่อนฝูงพวกเราคนจำนวนไม่น้อยเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง ครั้งคราวพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนหลายท่านอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา ทราบว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายเราอยากได้อะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตมากเพิ่มขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาเอาใจใส่จนกระทั่งเป็นทุกข์เพียงพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แสดงว่า ให้เราไม่ต้องจิรงดวงใจกับผู้ใดกัน แต่... แปลว่า " เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากนี่ห้ามเสียท่าเลยนะ มีคนรอซ้ำเยอะแยะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะทำให้เราได้เปรียบมากๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้เรื่องหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปทำงานกับคนไหนกัน เพราะฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความมุ่งมาดจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้พวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานสุดๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านขณะแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยแตกก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยๆโดนดุด่าตอนนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50 มากมาย ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ ฉะนั้น ล้มเหลวจำนวนไม่ใช่น้อยเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่แท้ใจคนนึงในสำนักงานมันย ากมากแค่ไหน


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุดังกล่าววันๆเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากแล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ พวกเรามีความคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ

คุยเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อน " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม แล้วก็การหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงหัวใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากแค่ไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราคือไปปฏิบัติงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาสหาย ดังนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนผู้ร่วมการทำงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ พวกเรามีความคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น สนทนาแลกความเซ็งก็ดี ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย หากอย ากบรรลุผลสำเร็จ และ สุขสบาย ควรเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เนื่องจากว่าผู้รับจ้างมือโปรก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " ซึ่งก็หมายความว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับเงินเดือนนั้นๆ

เราจำต้องทราบว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทมุ่งมาดหากปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


ควรจะหางานที่เราทำแล้วพวกเรามีความสุขแล้วก็ทำเป็นดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้สูงที่สุด นอกเหนือจากการที่จะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังส่งผลให้พวกเราปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะรู้เองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าในที่สุดเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงกระทั่งเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นควรมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย ยกตัวอย่างเช่นได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา เครือญาติๆบ้ า ง หันกลับไปดูด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ เวลานี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสำราญของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/